ในยุคที่ทั่วโลกต่างแข่งขันกันเพื่อขึ้นเป็นผู้นำในด้าน AI ชื่อของ ‘เหลียง เหวินเฟิง’ กลายเป็นที่รู้จักในฐานะผู้บุกเบิก DeepSeek AI สตาร์ทอัพจีนที่สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับวงการเทคโนโลยีและการเงินของโลก โดยเฉพาะสหรัฐฯ
‘เหลียง เหวินเฟิง’ ไม่ได้มีภาพลักษณ์เหมือนผู้นำด้าน AI ทั่วๆ ไป ที่เราคุ้นเคยกันดี อย่าง แซม อัลท์แมน ซีอีโอของ OpenAI เนื่องจาก ‘เหลียง’ มาจากโลกการเงิน โดยหลังจากที่้เขสจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย Zhejiang ในปี 2015 เขาได้ร่วมก่อตั้งกองทุน Quantitative Hedge Fund ชื่อว่า “High-Flyer” ที่มีการนำ AI มาใช้ในการคาดการณ์แนวโน้มตลาดและช่วยตัดสินใจในการลงทุน
ปัจจุบัน ‘เหลียง’ ได้ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในผู้นำด้านนวัตกรรม AI ของโลก ด้วย แนวคิดที่เริ่มต้นจากงานอดิเรกของเขาในปี 2021 ได้เติบโตอย่างรวดเร็ว จนภายในปี 2023 ชื่อของ DeepSeek AI ก็กลายเป็นบริษัท AI ชั้นนำที่ทุกคนต้องจับตามอง
ภาพ ‘เหลียง เหวินเฟิง’ ผู้ก่อตั้ง DeepSeek ที่มา:LionHerald
จุดเริ่มต้นของ DeepSeek AI
ในปี 2021 ‘เหลียง’ เริ่มซื้อชิป Nvidia หลายพันตัวเพื่อสร้าง Computer Cluster ซึ่งหมายถึง การนำคอมพิวเตอร์หลายเครื่องมาทำงานร่วมกัน สำหรับการพัฒนา AI ซึ่งในตอนนั้น เพื่อนร่วมงานของเขามองว่า มันเป็นเพียงงานอดิเรกทั่วๆ ไป
เพื่อนร่วมงานของ ‘เหลียง’ เล่าให้ฟังว่า “ตอนที่เจอเขาครั้งแรก เขาเป็นคนเนิร์ดมากๆ ทรงผมก็แปลกๆ และเขาชอบพูดถึงการสร้างคลัสเตอร์ด้วยชิป 10,000 ตัว เพื่อเทรนโมเดล AI ของเขา ซึ่งในตอนนั้นเราไม่คิดว่าเขาจะทำมันอย่างจริงจัง”
“เขาไม่ได้อธิบายวิสัยทัศน์ชัดเจนเลยนอกจากพูดว่า ‘ผมจะสร้างสิ่งนี้ และมันจะเปลี่ยนโลก’”
ในปี 2023 เหลียงก่อตั้ง DeepSeek AI เพื่อพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ Artificial General Intelligence (AGI) ที่สามารถทำงานได้เทียบเท่ากับมนุษย์ ด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่าคู่แข่งรายใหญ่อย่าง OpenAI และ Google อย่างมาก ทำให้ความสำเร็จนี้สร้างความกังวลให้กับอุตสาหกรรม AI ทั่วโลก
ล่าสุด หุ้น Nvidia ลดลงถึง 17% ส่งผลกระทบให้ดัชนี Nasdaq ลดลง 3% และ S&P 500 ลดลง 1.8% ซึ่งการเติบโตอย่างรวดเร็วของ DeepSeek ทำให้หลายคนเริ่มมองว่า บริษัทนี้ไม่ใช่เพียงแค่งานอดิเรกอีกต่อไป
กลยุทธ์ที่แตกต่างของ DeepSeek
‘เหลียง’ มุ่งมั่นให้ DeepSeek เป็นผู้นำด้าน AI ในจีน โดยดึงผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยชั้นนำมาทำงาน และเสนอค่าตอบแทนที่แข่งขันได้ในระดับเดียวกับบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่อย่าง ByteDance
นอกจากนี้ ‘เหลียง’ ยังเลือกใช้กลยุทธ์การพัฒนา AI แบบ “Open Source” หรือการเปิดเผยโมเดลและเทคโนโลยีเพื่อดึงดูดบุคลากรคุณภาพและสร้างวัฒนธรรมแห่งการแบ่งปัน
“สำหรับเรา การพัฒนานวัตกรรมเป็นเรื่องของความเชื่อมั่น ความมั่นใจในตัวเอง และการกล้าที่จะลองสิ่งใหม่ ๆ” เหลียงกล่าว
DeepSeek มีโครงสร้างการทำงานที่ไม่เหมือนใคร พนักงานสามารถเข้าถึงทรัพยากรและเทคโนโลยีได้อย่างอิสระ หากมีไอเดียที่น่าสนใจ ทุกคนมีโอกาสแสดงศักยภาพโดยไม่มีบทบาทตายตัว สิ่งเหล่านี้ช่วยกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง
“ความเชื่อ” คือจุดเริ่มต้นของนวัตกรรม
เหลียงเชื่อว่า ความเชื่อและความมั่นใจในศักยภาพของคนรุ่นใหม่คือกุญแจสำคัญของนวัตกรรม เขาย้ำว่า “การกล้าลองผิดลองถูกและการมีวัฒนธรรมที่สนับสนุนความคิดสร้างสรรค์เป็นสิ่งที่ทำให้ DeepSeek ก้าวไปข้างหน้า”
จากจุดเริ่มต้นความสำเร็จ ในฐานะผู้ร่วมก่อตั้งกองทุนเฮดจ์ฟันด์ สู่การเป็นผู้นำด้าน AI ของจีน ‘เหลียง เหวินเฟิง’ และ DeepSeek ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ความเชื่อและการมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมสามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้ ไม่ว่าจะในด้านเทคโนโลยีหรือการเงิน ทั้งหมดนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของบทใหม่ในวงการ AI ที่ทั่วโลกต้องจับตามอง
ที่มา:fortuneimage/jpeg